วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การทดสอบการพัฒนาเว็บไซต์และผลการประเมินประสิทธิภาพ

 การทดสอบการพัฒนาเว็บไซต์
ในการทดสอบ การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ผู้จัดทำ ได้ใช้วิธีการทดสอบ โดยผู้จัดทำ ทดสอบการเลือกใช้เมนูต่าง ๆ การทำแบบทดสอบ การศึกษาเนื้อหา ข้อมูลที่นำมาทดสอบเป็นทั้งข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่ผิดพลาด
จากการทดสอบ พบว่าเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ที่ ได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถทำงานได้ครบความต้องการของผู้ใช้คือ ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ศึกษา เนื้อหา ใบความรู้ ทำใบงาน และทำแบบทดสอบหลังเรียนได้
 ผลการประเมินประสิทธิภาพ
 ผลการประเมินประสิทธิภาพของ การพัฒนา เว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ (Hardware) แสดงค่าคะแนนเฉลี่ย (X) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าระดับ ประสิทธิภาพของกลุ่มตัวอย่างของผู้ใช้งานจำนวน 20 คน มีดังต่อไปนี้

 ตารางที่ 1 แบบประเมินเพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware)
รายการประเมิน
S.D.
ความหมาย
1. ความชัดเจนของข้อความที่แสดงบนจอภาพ
4.21
0.419
ดี
2. ความเหมาะสมของการใช้สีของตัวอักษรพื้นหลังและรูปภาพ
4.05
0.524
ดี
3. ความเหมาะสมของตำแหน่งการจัดวางส่วนต่างๆ บนจอภาพ
3.95
0.405
ดี
4. คำสั่งบนหน้าจอใช้สื่อสารกับผู้ใช้ได้ตรงตามวัตถุประสงค์
3.68
0.820
ดี
5. การใช้งานง่าย
4.21
0.419
ดี
6. ความเหมาะสมของปริมาณข้อมูลที่นำเสนอในแต่ละจอภาพ
3.47
0.513
พอใช้
รวมเฉลี่ย
3.92
0.353
ดี


จากตารางที่ 1 แบบประเมินเพื่อหาประสิทธิภาพของ การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) มีค่าเฉลี่ยรวม อยู่ในระดับดี (X=3.92)

ผลการดำเนินโครงงาน


การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) มีผลการดำเนินโครงงาน ดังนี้
1. ผลการพัฒนาเว็บไซต์ (Website)
                1.1 เปิดเว็บไซต์ http://www.kws.ac.th/comp จะ1ปรากฏหน้าจอ ดังนี้

ภาพที่ 1 หน้าจอเว็บไซต์เรื่อง คอมพิวเตอร์ (Hardware)

ภาพที่ 2 MENU
จากภาพที่ 2 ประกอบด้วยเมนู ดังนี้
1.แบบทดสอบก่อนเรียน
2.เนื้อหาบทเรียน
3.แบบทดสอบหลังเรียน
4.ใบความรู้ 5.ใบงาน
1.1 แบบทดสอบก่อนเรียน
แบบทดสอบก่อนเรียนมีทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง อุปกรณ์นำเข้า หน่วยความจำ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำสำรอง หน่วยแสดงผล เรื่องละ 5 ข้อ

ภาพที่ 3 แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง หน่วยความจำ


ภาพที่ 4 แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง หน่วยประมวลผล

ภาพที่ 5 แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง หน่วยความจำสำรอง
1.2 เนื้อหาบทเรียน
เนื้อหามีทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ อุปกรณ์นำเข้า หน่วยความจำ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำสำรอง หน่วยแสดงผล

ภาพที่ 6 เนื้อหา
1.3 แบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบก่อนเรียนมีทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง ได้แก่ เรื่อง อุปกรณ์นำเข้า หน่วยความจำ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำสำรอง หน่วยแสดงผล เรื่องละ 5 ข้อ

ภาพที่ 7 แบบทดสอบหลังเรียน


ภาพที่8 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง อุปกรณ์นำเข้า


ภาพที่ 9 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง หน่วยความจำสำรอง


ภาพที่ 10 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง หน่วยแสดงผล
1.4 ใบความรู้

ภาพที่ 11 ใบความรู้


1.5 ใบงาน


ภาพที่ 12 ใบงาน

โปรแกรมที่ใช้ในการดำเนินงาน

5.1 โปรแกรม Adobe Dreamweaver Macromedia Dreamweaver
 เป็นโปรแกรมสำหรับออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ด้วยการสร้างเว็บเพจและเว็บแอพพลิเคชั่น ที่กำลังเป็นที่นิยมนำมาสร้างเว็บเพจในปัจจุบันเนื่องจาก ใช้งานง่าย คุณสามารถที่จัดวางข้อความ รูปภาพ ตารางข้อมูล แบบฟอร์ม เป็นต้น ลงไปในเว็บเพจ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใช้โค้ด HTML ใน Dreamweaver มีเครื่องมือมากมายให้ใช้ในการ พัฒนาเว็บได้อย่างรวดเร็ว สวยงาม และมีประสิทธิภาพสูง Dreamweaver มีเครื่องมือในการจัดการ และบริหารเว็บ ไซท์ที่ช่วยให้คุณจัดการกับ Site และไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับ Site ของคุณ เช่น สร้าง ลบ ย้าย และเปลี่ยนชื่อไฟล์ เป็นต้น
5.2 โปรแกรม Adobe Flash
 เป็นซอฟต์แวร์ ที่ใช้สร้างชิ้นงานกราฟิกที่พบเป็นส่วนมากบนเว็บไซด์ต่าง ๆ และ สามารถพบชิ้นงาน Flash บน เกมส์ สื่อโฆษณาบนเว็บไซต์อินเตอร์เฟสต่าง ๆ สร้างชิ้นงาน Interactive บนเว็บไซต์การ์ตูนแอนิเมชันต่างๆ สร้างเว็บไซต์ได้สวยงาม และสร้างลูกเล่นต่าง ๆ สร้างเกมส์ (GAME)
5.3 โปรแกรม Adobe Photoshop Photoshop
เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างและตกแต่งภาพที่มีชื่อเสียง และได้รับ ความนิยมมากที่สุด เนื่องจากคุณสมบัติเด่นที่มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถจัดการกับ ไฟล์สารพัดชนิดที่ใช้ในงานประเภทต่าง ๆ ทั้งภาพที่ถ่ายจากกล้องดิจิตอล และภาพที่จะนำไปผ่าน กระบวนการการพิมพ์ โปรแกรมมีความสามารถเป็นเยี่ยมในการแก้ไขตกแต่งภาพ และการสร้าง เอฟเฟ็คต์พิเศษต่าง ๆ มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูง
5.4 โปรแกรม Sothink Glanda
 เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างข้อความอักษร Flash ซึ่งมีลักษณะเป็นข้อความ เคลื่อนไหว ในลักษณะต่างๆ หลากหลายรูปแบบ อันจะทำให้เว็บไซต์มีความน่าสนใจและสวยงาม มากยิ่งขึ้น นอกจากการทำ effect ให้กับข้อความแล้ว ยังสามารถทำกับรูป ภาพ ได้อีกด้วย และ สามารถทำข้อสอบได้
5.5 โปรแกรม Microsoft Word
เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างเอกสาร โปรแกรมประมวลผลคำ (Word Processor) หรือที่เรียกกันอย่างย่อ ๆ ว่า เวิร์ด” (Word) เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างงานเอกสารทั่วไป ตัวอย่างเช่น จดหมาย ใบปะหน้าแฟกซ์ ทำรายงาน หรือแม้กระทั่งหนังสือเป็นเล่มก็ตาม โปรแกรม ไมโครซอฟต์เวิร์ดเป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์ออฟฟิศ (Microsoft Office)
5.6 โปรแกรม Captivate

เป็นโปรแกรมสาหรับสร้างมัลติมีเดียบนเว็บการจับภาพหน้าจอการทำภาพเคลื่อนไหว และอื่น ๆ โปรแกรม Captivate สามารถสร้างบทเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์ สร้างข้อสอบ ได้อย่างดี โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนคำสั่ง เพราะโปรแกรมมีคำ สั่งต่าง ๆ ไว้ให้เลือกผ่านทางหน้าจอของ โปรแกรม จึงเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย เรียนรู้ได้เร็ว เหมาะสาหรับครู และผู้ที่มีหน้าที่ฝึกอบรม บุคลากร และสามารถ ส่งขึ้นเว็บ You tube ได้ทันที หรือจะทำเป็นไฟล์ PDF ก็ได้

ประเภทของเว็บไซต์ (Website)

4.2. ประเภทของเว็บไซต์ (Website) เว็บไซต์สามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 8 ประเภทตามลักษณะของเนื้อหา และรูปแบบของเว็บไซต์กลุ่มเว็บทั้ง 8 ประเภท
                1) เว็บท่า (Portal site) เว็บท่านั้นอาจเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่าเว็บวาไรตี้ (variety web) ซึ่งหมายถึงเว็บที่ให้บริการต่างๆ ไว้มากมาย มักประกอบไปด้วยบริการเครื่องมือค้นหา ที่ รวบรวมลิงค์ของเว็บไซต์ที่น่าสนใจไว้มากมายให้ได้ค้นหา รวมถึงบริการที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่มี สาระและบันเทิงหลากหลายประเภท เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ดูดวง ท่องเที่ยว ITเกม สุขภาพ หรืออื่นๆ
                2) เว็บข่าว (News site) เว็บข่าวมักเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยองค์กรข่าวหรือ สถาบันสื่อสารมวลชนต่างๆ ที่มีสื่อมวลชนประเภทต่างๆ ของตนอยู่เป็นหลัก เช่น สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ หนังสือพิมพ์นิตยสาร วารสาร หรือแม้กระทั่งกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ
                3) เว็บข้อมูล (Information site) เว็บข้อมูลนั้นเป็นเว็บที่ให้บริการเกี่ยวกับการ สืบค้นข้อมูล ข่าวสาร หรือข้อเท็จจริงต่างๆ ตนเองขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนหรือกลุ่ม บุคคลที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของตนได้อีกทั้งยังเป็นการ สร้าง โอกาสในการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจอันดีให้เกิดแก่ประชาชนในสังคมอีกด้วย
                4) เว็บธุรกิจหรือการตลาด (Business/ Marketing site) เว็บธุรกิจหรือการตลาด เป็นเว็บไซต์ที่มักสร้างขึ้นโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ มีจุดมุ่งหมายหลักในการประชาสัมพันธ์องค์กร และเพิ่มผลกำไรทางการค้า โดยเนื้อหาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดมักจะเป็นการนำเสนอที่มีความ น่าสนใจและตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อผลกำไรทางธุรกิจนั่นเอง
                5) เว็บการศึกษา (Education site) เว็บการศึกษามักเป็นเว็บที่สร้างขึ้นโดย สถาบันการศึกษาต่างๆ หรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีนโยบายในการเผยแพร่ความรู้ และให้ โอกาสในการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป เว็บการศึกษาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ทั้งแบบ ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เว็บที่เกี่ยวกับ การศึกษาโดยตรงนั้น ได้แก่เว็บของสถาบันการศึกษา ห้องสมุด และเว็บที่ให้บริการการเรียนรู้แบบ ออนไลน์ที่เรียกว่า อี-เลิร์นนิ่ง (e-learning) นอกจากนี้แล้วยังรวมถึงเว็บที่สอนหรือให้ความรู้ เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น การทำเว็บ การทำอาหาร การถ่ายภาพ การเขียนโปรแกรม ฯลฯ
                6) เว็บบันเทิง (Entertainment site) เว็บบันเทิงนั้นมุ่งเสนอและให้บริการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความบันเทิง โดยทั่วไปอาจนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการบันเทิงทั่วไป เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ดารา กีฬา ความรัก บทกลอน การ์ตูน เรื่องขำขัน รวมถึงการให้บริการดาวน์โหลดโลโก้และริงโทนสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกด้วย เว็บประเภทนี้อาจมีรูปแบบที่เป็นอินเตอร์แอคทีฟที่ตื่นตาตื่นใจ หรือใช้เทคโนโลยีมัลติมิเดียได้มากกว่าเว็บประเภทอื่น
                7) เว็บองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (None-profit organization site) เว็บประเภท นี้มักจะเป็นเว็บที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ที่มีนโยบายในการสร้างสรรค์ที่ ช่วยเหลือสังคมโดยที่ไม่หวังผลกำไรหรือค่าตอบแทน ซึ่งกลุ่มบุคคลหรือองค์กรเหล่านี้ได้แก่ สมาคม ชมรม มูลนิธิ และโครงการต่างๆ โดยอาจมีจุดประสงค์เฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อทำความดี สร้างสรรค์สังคม พิทักษ์สิ่งแวดล้อม ปกป้องสิทธิมนุษยชน รณรงค์ไม่ให้สูบบุหรี่ หรืออาจ รวมตัวกันเพื่อดูแลผลประโยชน์ของสมาชิกในกลุ่ม

                8) เว็บส่วนตัว ( personal site ) เว็บส่วนตัวอาจเป็นเว็บของคนๆ เดียว เพื่อนฝูง หรือครอบครัวก็ได้โดยอาจจัดทำขึ้นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น แนะนำกลุ่มเพื่อน โชว์รูปภาพ แสดงความคิดเห็น เขียนไดอารี่ประจำวัน นำเสนอผลงาน ถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ เชี่ยวชาญหรือสนใจ โดยทั้งหมดนี้อาจทำเป็นเว็บไซต์หรือเป็นเพียงเว็บเพจหน้าเดียวก็ได้ 

เว็บไซต์ (Website)


4.1 ความหมายของเว็บไซต์ (Website) เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับ ผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้นโฮมเพจ (Home Page)
โฮมเพจ คือคำที่ใช้เรียกหน้าแรกของเว็บไซต์ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูต่างๆและ เรื่องราวต่างๆมากมายคล้ายกับหน้าปกนิตยสารบ้านเรา ดังนั้นหากเราออกแบบหน้าโฮมเพจให้ สวยงามและน่าสนใจ โอกาสที่ผู้ชมจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนโฮมเพจของ เราก็จะยิ่งมากตามไปด้วย เว็บเพจ (Web Page)
เว็บเพจ คือ คำที่ใช้เรียกหน้าเอกสารต่างๆ ที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ HTML (Hyper Text Markup Language) เปรียบเสมือนหน้ากระดาษแต่ละหน้าที่มีเรื่องราวต่างๆมากมายบรรจุอยู่ ในนิตยสาร แต่แตกต่างกันตรงที่มีการเชื่อมโยง (Link) ซึ่งเราสามารถคลิกไปที่หน้าใดของโฮมเพจ ก็ได้
เว็บไซต์ (Web Site) คือ คำที่ใช้เรียกกลุ่มของเว็บเพจ (ดังนั้นภายในเว็บไซต์จะ ประกอบไปด้วยโฮมเพจและเว็บเพจ ) โดยเรามักใช้เรียกเว็บที่มีขนาดใหญ่และมีการจดทะเบียนชื่อ เว็บไซต์นั้นๆไว้แล้ว (Domain Name) เช่น http://www.geocities.com ,http://www.sanook.com, http://www.yahoo.com เป็นต้น สรุป เว็บไซต์คือ ชื่อเรียกหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ให้บริการเว็บเพจ คือ หน้าแต่ละหน้าที่มีการเชื่อมโยงถึงกัน